Milano หรือที่รู้จักกันในนาม มิลาน (Milan) ที่เรียกว่า Milano ในภาษา Italian ก็เพื่อความคุ้นเคย เวลาจะจองตั๋วรถไฟ หรือว่าจะถามทาง Milano เป็นเมืองแห่งแฟชั่น และเป็นเมืองธุรกิจการค้า อุตสาหกรรม และศูนยกลางของการเดินทาง การมาเยือนเมืองนี้ ก็คงหนีไม่พ้น การชม ความยิ่งใหญ่อลังการของ มหาวิหาร Duomo และ shopping ที่มีให้เลือกตั้งแต่ของที่ระลึกไปจนถึง เสื้อผ้าของใช้แบรนด์เนม มาเริ่มต้นด้วยแผนการเดินทางของวันนี้กันก่อน วันนี้ไม่มีอะไรมาก แผนก็คือไปยัง มหาวิหาร Duomo อาจจะเดินเล่นชมเมืองเล็กน้อย Shopping แล้วก็นั่งรถไฟกลับค่ะ แต่เราพลาดตรงที่ดันใส่ขาสั้นกับถุงน่องไปลืมค่ะ ใครไปก็อย่าลืมแต่งกายสุภาพนะคะ จะได้เข้าไปใน Duomo ได้ ห้ามใส่แขนกุด เกาะอก โชว์ไหล่ โชว์เข่า พวกกางเกงขาสั้น และกระโปรงสั้น หรือแม้แต่ เลคกิ้งก็ไมได้นะคะ ทางที่ดีใส่กางเกงขายาวรองเท้าผ้าใบหรือหุ้มส้น จะดีที่สุดค่ะ เริ่มต้นการเดินทาง ไปขึ้นรถที่สถานีด้วยวิธีเดิมค่ะ จอดรถไว้ ดูชานชาลาจากบอร์ด แล้วรอรถไฟ วันนี้เราจะไปลงที่ สถานีกลาง หรือ Milano Centralle ค่ะ บรรยากาศสถานี Milano Centralle ค่ะ สถานีกลาง หรือ Milano Centralle อยู่ทางตะวันออกของเมืองมิลาน ตัวสถานีใหญ่โตโอ่อ่า มีหลังคาโค้งครอบชานชาลาภายนี้มีภาพประดับ และปูนปั้นดู Classic การเดินทางในเมือง Milano ค่อนข้างจะสะดวกสบายค่ะ มีทั้ง Metro (รถไฟใต้ดิน) รถเมล์และรถราง วันนี้เราจะเดินทางด้วย Metro ค่ะ จากสถานี Milano Centralle เราก็สามารถใช้ Metro ต่อได้เลยค่ะ Metro หรือรถไฟใต้ดิน มีทั้งหมด 3 สาย M1(สีแดง), M2(สีเขียว) และ M3(สีเหลือง) ค่ะ แผนผังสถานีตามภาพค่ะ เราซื้อตั๋วจากร้านขายของด้านล่างก่อนทางเข้า Metro ค่ะ โดยเลือกตั๋วโดยสารแบบเที่ยวเดียว ประมาณ 1 ยูโร ซึ่งจะใช้เดินทางได้ทั้ง 3 แบบ ภายใน 75 นาที โดยใช้รถไฟใต้ดิน หรือ Metro ได้เพียงหนึ่งครั้งค่ะ เราจะนั่งรถไฟสาย M3 สีเหลือง ลงสถานี Duomo ขึ้นจากสถานีก็จะเจอ มหาวิหาร Duomo เลยค่ะ ตั๋วมีหลายแบบนะคะ นอกจากตั๋วเที่ยวเดียวที่เราซื้อแล้วก็ยังมีตั๋ววันค่ะ ราคาราวๆ 3 ยูโร ใช้เดินทางได้ทั้งสามแบบ ไม่จำกัดเวลาภายใน 1 วันค่ะ หาซื้อได้ตามร้าน Tabacchi ทั่วไป ก่อนใช้ก็ Validate ให้เรียบร้อยก็สามารถใช้ได้ค่ะ คุ้มสำหรับคนที่จะเดินทางไปหลายๆ ที่ในเมืองมิลานค่ะ เมื่อโผล่ขึ้นมาจากรถไฟใต้ดิน เราก็ต้องร้องว่าโอ้โห มันยิ่งใหญ่มาก เมื่อชมความงามกันแล้วก็อย่าเพลินจนลืมความปลอดภัยนะคะ ที่เตือนๆ กันไม่ผิดหรอกค่ะ เรื่องคนผิวดำที่จะมาขายเมล็ดข้าวโพด หากยอมให้เมล็ดข้าวโพดมาอยู่ในมือ แล้วนกพิราบมาจิกกินได้แล้วล่ะก็ คงต้องเสียเงินให้คนพวกนี้ล่ะค่ะ หรือ จะเป็นพวกที่มาผูกด้ายสีๆ ก็เหมือนกันนะคะ ต้องระวัง อย่าถ่ายรูปเพลินค่ะ เราก็โดนเหมือนกัน เป็นยื่นเมล็ดข้าวโพดมาตรงหน้าเลยค่ะ ตอนเรากำลังถ่ายรูปเพลินๆ ดีที่ว่าเพื่อนพูดภาษาอิตาลีได้ ก็เลยส่งภาษาบอกไปว่า เราไม่ซื้อ พอเห็นว่าเพื่อนเราพูดภาษาได้ เลยไปค่ะ ไม่มายุ่งเลย มหาวิหาร ดูโอโม (Duomo) เป็นมหาวิหารแบบโกธิกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อสร้างเมื่อปี 1386 กว่าจะเสร็จสมบูรณ์ใช้เวลาถึง 427 ปี วัสดุที่ใช้เป็นหินอ่อนเกือบทั้งหลัง ความสูง 157 เมตร กว้าง 92 เมตร หลังคาและตัวอาคารด้านนอกทำเป็นยอดแหลมเป็นรูปนักบุญองค์ต่างๆ 135 ยอด มีรูปสลักพระแม่มาเรียสูง 4 เมตรหุ้มด้วยทองทั้งองค์ อยู่สูงสุด จตุรัสด้านหน้า หรือ Piazza Duomo มีพระบรมรูปทรงม้าพระเจ้าวิคเตอร์ เอมานูเอลที่2 ประดิษฐานอยู่กลางลานกว้าง ท่ามกลางฝูงนกพิราบมากมาย ทางด้านเหนือของจตุรัส มีอาคาร shopping อาเขตโอ่อ่าหรูหราตั้งอยู่ อาคารนี้มีชื่อว่า กัลเลเรีย วิคโตริโอ เอมานูเอลที่ 2 (Galeria Vittorio Emanule II) มีร้านค้าแฟชั่นมากมาย โดยเฉพาะแบรนด์เนมชื่อดังของอิตาลี และมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ส่วนราคานั้นไม่ต้องพูดถึงแพงกระฉูดค่ะ ตัวอาคารสร้างเมื่อปี 1986 ระยะเวลาในการสร้างราว 12 ปี เป็นอาคารโครงเหล็กกรุกระจก หลังคามีโดมตรงกลาง พื้นปูด้วยหินอ่อนและแกรนิต ผนังประดับด้วยภาพโมเสกและลวดลายปูนปั้นที่สวยงาม พื้นแกรนิต ลวดลายสวยงาม น่าเสียดายที่เราไม่ได้เข้าไปในมหาวิหารเลยได้แต่เดินเล่นรอบๆค่ะ เจอพ่อหนุ่มคนนี้ เลยขอถ่ายรูปค่ะ เดินไปเรื่อยๆ ที่เห็นเป็นเส้นๆ เป็นสายของรถรางค่ะ ไปรษณีย์ อาคารดูสวยแปลกตาค่ะ แท๊กซี่รุ่นเบนซ์นะคะ เราเดินทะลุไปเรื่อยๆ ไปเจอ ปิอัซซ่า เดลลา สกาลา (Piazza della scala) กลางจตุรัสมีอนุสาวรีย์ของ Leonado Davinci หันหน้าไปทางโรงละครลา สกาลา (Teatro alla) เดินเรื่อยมาจนมาถึงที่ ปิอัซซ่า ชานฟีเดเล (Piazza San Fedele) เมื่อยแล้วก็กลับมาตั้งต้นที่ Duomo เหมือนเดิม แวะจิบชายามบ่ายสักครู่ค่ะ แล้วก็เก็บภาพส่งท้ายก่อนเดินทางกลับค่ะ หมดวันแล้วค่ะสำหรับวันนี้ เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ^^