ตื่นเช้ามาที่ Roma หรือที่เรารู้จักกันในนาม Rome อาณาจักร์ที่เคยรุ่งเรืองในอดีต และเป็นเมืองหลวงของที่นี่ พลาดไม่ได้ที่จะต้องมาเยือน รวมทั้ง Highlight ของทริปก็หนีไม่พ้น Colosseum สนามกีฬากลางแจ้ง มาดูแผนของวันนี้กันเลยดีกว่าค่ะ อาหารเช้าของเราก็ง่ายๆ ที่ สถานี Roma Termini และเนื่องจากเรามีเวลาน้อยเพียงวันเดียวในโรม และกิตติศัพท์ เกี่ยวกับรถไฟใต้ดินโรม เราจึงเลือกวิธีนั่งรถ แบบ Sightseeing bus แต่โดยปกติแล้ว ราคาจะเป็นแบบ 2 วัน เราก็ไปต่อรองหน้างานเลยค่ะ สนนราคาได้มาที่ 18 Euro ต่อคน 1 วัน เย่ๆ เราเลือกแบบรถ สีเขียว (ถูกกว่าหน่อย) แต่ก็มีผ่านมาบ่อยนะคะ ทาง Bus ก็จะมี โบรชัวร์มาให้ค่ะ รถก็จะเขียวๆ เปิดประทุนแบบนี้ ภายในจะมีแผนที่จุดต่างๆ เราก็เลือกลงเอาได้ตามสะดวกค่ะ Cheekka ไม่ได้ลงทุกจุดนะคะ ตอนเรากำลังจะเริ่มต้นท่องเที่ยว ฝนเจ้ากรรมก็ดันตก แต่เราก็ไ่ม่ท้อค่ะ ไปต่อ โชคดีที่หยุดให้บ้าง เป็นช่วงๆ ไป ใครที่ได้มาโรมวันอากาศดีก็โชคดีไปค่ะ ตอนใส่ชุดกันฝนที่เตรียมไป สภาพทุลักทุเลมาก บรรยากาศบนหลังคาเปิดประทุน ผ่านมหาวิหารแม่พระองค์ใหญ่ Santa Maria Maggiore มหาวิหารซานตามาเรียมายอเร โดดเด่นด้วยยอดโดมคู่ศิลปะบารอก และ เสาโอเบลิสก์อียิปต์ หอระฆัง จตุรัส Santa Maria Maggiore เสาคอลัมน์อนุเสาวรีย์ที่จตุรัสด้านใต้ของโบสถ์ เย่ ถึงโคลอสเซียมแล้ว ข้างหน้านี่เอง ป้ายรถก็อยู่ด้านข้างๆ โคลอสเซียมอันยิ่งใหญ่ ฟ้าเปิดเล็กน้อย แต่ฝนก็ยังไว้ใจไม่ได้ ประตูชัยคอนแสตนติน Arch of Constantine ก่อนที่เราจะเดินหาซื้อตั๋วเข้าชม เราก็ผ่าน ประตูชัยแห่งนี้ก่อน ประตูนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งชัยชนะของจักรพรรดิคอนสแตนติน เหนือจักรพรรดิมักเซนติอุสในการรบที่สะพานมิลเวีน สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 315 เป็นช่วงที่โรมันมีเศรษฐกิจตกต่ำ วัสดุหรือภาพบนประตูชัยจึงนำมาจากอนุเสาวรีย์หลายแห่ง ภาพก็เลยไม่ค่อยสอดคล้องกัน แต่ก็ดูยิ่งใหญ่ตามสไตล์เมืองโรม ประชากรเข้าชมโคลอสเซียมหนาแน่นมาก เราเลยเลือกที่จะเดินเลยไปซื้อตั๋วเข้าชมที่ Roman forum เพราะเข้าได้สองที่ คนน้อยกว่าด้วย แต่ว่าแต่ว่า ทางไป Roman Forum มันอยู่ไหนคะ เดินผ่านแต่ก็ไม่ลืมที่จะแวะถ่ายภาพ ความยิ่งใหญ่ของ โคลอสเซียม ตัดกับสนามสีเขียว เรากำลังหาทางเข้า Roman forum ตรงข้ามโคลอสเซียม แล้วก็เดินข้ามไป จะเลาะไปเรื่อยๆ นะคะ เดาเอาคิดว่าน่าจะทางนี้ล่ะ ดูจากแผนที่มันอยู่ใกล้กัน แผนที่อิตาลี ประกาศอยู่บนกำแพง สวยดีค่ะ ได้มาแล้ว ตั๋ว 12 Euro ต่อคิวไม่ถึง 5 คน รู้สึกว่าโชคดียังไงไม่รู้ที่ไม่ต้องต่อคิวตรง โคลอสเซียม คิวเป็นล้าน -*- พนักงานขายตั๋ว ตอบคำถามด้วยสำเนียงอังกฤษ ชัดแจ๋ว Roman Forum หรือ Foro Romano เป็นหลักฐานความรุ่งเรืองของอาณาจักรโรมันในอดีต มีอาคารบ้านเรือนและสิ่งก่อสร้างต่างๆ มีมากกว่า 1 ล้านคน แต่ต่อมาเมื่อโรมนล่มสลาย โรมันฟอรัมก็ถูกทิ้งร้าง กลายเป็นสร้างปรักหักพัง อย่างที่เห็น คนรุ่นต่อมาบางทีก็นำเอาก้อนหินไปสร้างบ้านเรือน หรือนำวัวเข้ามาเลี้ยงบริเวณนี้ จนเป็นที่มาของคำว่า กัมโปวัชชีโน หรือทุ่งเลี้ยงวัว จนเริ่มมีการศึกษาและขุดสำรวจหาความรู้ ในยุคเรอเนซองซ์ ที่ผู้คนเริ่มสนใจในศิลปะ เรามีภาพบรรยากาศเป็นวิดิโอด้วย เสาโรมันมี 3 แบบค่ะ ได้แก่ เสาดอริก Doric order เสาไอโอนิก Ionic order และ เสาโครินเชียน Corinthian order แบบน้น่าจะเป็นแบบ เสาโครินเชียน Corinthian order เพราะมีลวดลายซับซ้อนที่สุดค่ะ เราเดินผ่านถนน กลางฟอรัม ซึ่งเรียกว่า เวียซากรา Via Sacra เป็นถนนที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงโรม ยาวไปจนถึงประตูชัย เซปติมิอุส เซเวรุส Arch of Septimius Severus เพื่อเก็บบรรยากาศระหว่างทาง ประตูชัย ติตุส Arch of Titus เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีสภาพสมบูรณ์ที่สุดใน Roman Forum แห่งนี้ สร้างเพื่อรำลึกถึง ชัยชนะ ที่จักรพรรดิติสุส ทรงทำลายล้างกรุงเยรูซาเล็มได้สำเร็จ วิวเมื่อมองจากประตูชัย ไปยังด้านล่าง หลังจากเดินชม โรมันฟอรัมแล้ว ก็ไปต่อยัง โคลอสเซียมได้เลย โดยไม่ต้องซื้อตั๋ว แค่ยื่นตั๋วที่เรามี ก็เข้าชมได้สบายค่ะ เข้ามาถึงก็ฤกษ์ดีเลยค่ะ ฝนตก แต่ก็ยังสู้ต่อไป ภาพบรรยากาศวันฝนพรำที่ โคลอสเซียม โคลอสเซียม หรือ Colosseo 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ทีใฝ่ฝันอยากจะมาเห็นกับตา ใครเห็นเป็นต้องนึกถึงกรุงโรม เป็นสนามกีฬากลางแจ้ง ที่จักรรพรรดิโรมันเอาไว้สร้างความบันเทิงให้กับชาวเมืองบนความทุกยากของมนุษย์และสัตว์ป่า หากดูประวัติการแสดงละครแต่ละฉากแล้วละก็ โคลอสเซียมก็คือเวทีที่เอาไว้สังหาร ทั้งสัตว์ป่าและมนุษย์ในสมัยก่อน ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างยาวนาน เนื่องจากโครงสร้างขนาดใหญ่ และมีความซับซ้อน ผู้ที่เป็นคนต่อสู้ หรือว่า นักสู้ เรียกว่า เกลดิเอเตอร์ หากเข้าไปด้านใน จะเปิดให้เห็น เวทีด้านล่าง ซึ่งเป็นห้องของ เกลดิเอเตอร์ และ กรงขังสัตว์ ห้องเก็บอุปกรณ์ สำหรับชักรอกขึ้นสู่เวที เพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชม ภายในมีร้านหนังสือ และร้านขายของที่ระลึกอยู่ด้วย เราก็เดินเพลินๆ หลบฝนไปด้วย ภาพจำลองบรรยากาศการแสดงสมัยนั้น มีพิพิธภัณฑ์ย่อมๆ ให้เดินชมกันด้วยค่ะ แล้วฝนก็ไม่ยอมแพ้ เทลงมากระหน่ำ เราก็เลยต้องปิดท้าย โคลอสเซียมไว้ด้วยภาพสวีทของคู่นี้ มาคนเดียว อิจฉา อิอิ แอบถ่ายเค้าแล้วยังบ่น สถานีต่อไป เราจะไปน้ำพุเทรวีค่ะ เริ่มหิว เดินมาตั้งแต่เช้า ขอแวะหาไรใส่ท้องหน่อยนะ ง่ายๆ เลยค่ะ Burger king เมื่ออิ่มแล้วเราก็เดินไปตามป้ายเรื่อยๆ ค่ะ แล้วก็เก็บบรรยากาศรอบๆ ด้วยค่ะ น้ำพุเทรวี Fontana di Trevi น้ำพุชื่อดังของเมืองโรม นั่งท่องเที่ยวนิยมมาที่นี่ เพื่อยลความสวยงามของน้ำพุยิ่งใหญ่แห่งนี้ ฉากหลังของน้ำพุประดับด้วยรูปสลักหินอ่อน ตรงกลางมีรูปเทพเจ้าเนปจูน ขนาบข้างด้วยเทพไททันกำลังปราบม้าพยศ ชื่อของน้ำพุมาจากชื่อของสาวพรหมจารีย์ที่ชื่อ ทริเวีย ซึ่งอยู่บนช่องกำแพงของน้ำพุทางด้านซ้าย เป็นผู้ที่พาทหารโรมันมาพบตาน้ำธรรมชาตินอกกรุงโรม น้ำพุแห่งนี้เป็นศิลปะแบบ บารอก คนที่เป็นคนสร้างชื่อ นิโคลา ซัลวี Nicola Salvi เมื่อชมความสวยงามเป็นที่พอใจแล้ว ก็เดินออกมา ผ่านมาเห็นเสารูปร่างแปลกตา เลยอดไม่ได้ที่จะกดชัตเตอร์ น่าจะเป็น เสาคอลัมน์ จักรพรรดิมาร์คุส เอาเรลีอุส Column of Marcus Aurelius ภาพสลักบนเสาเป็นเรื่องราวของสงครามสมัยนั้น จุดหมายต่อไปของเราก็คือ บันไดสเปน Spanish Steps อยู่ได้ไม่นานเท่าไหร่ เนื่องจากฝนจะตก แต่คนก็ยังเยอะมากอยู่ดี จะเห็นได้ว่า มีอ่างน้ำพุบาร์คัสเซีย อยู่ด้านหน้า Fontana Della Baecaccia รูปร่างคล้ายเรือกำลังรั่ว บันไดสเปนเป็นศิลปะ แบบ รอกโคโค ได้เวลากลับที่พัก ก็นั่งรถบัสเหมือนเดิมจ้า รอสักพัก แต่ก็มีวิวต่างๆ ให้ชมระหว่างทาง