Dubai – ออกเดินทางสู่ดินแดนทะเลทราย ตอนที่ 01 เข้าที่พัก carlton downtown เดินเล่นตลาดทอง

ออกเดินทางสู่ดินแดนทะเลทราย

ทริปนี้เราเริ่มต้นจาก อยากไปสัมผัสบรรยากาศทะเลทราย ตอนแรกว่าจะไปอียิปต์ แต่หลังจากได้ข่าวการวางระเบิด ก็เลยพับอียิปต์เอาไว้ก่อน เปลี่ยนมาเป็นดูไบแทน ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิกลางดึก เพื่อไปถึง Dubai ในตอนเช้ามืด เราได้ทำการ check-in online มาเรียบร้อยแล้ว ก็เหลือแค่โหลดกระเป๋า

ถ้าใครอยากสนใจดูเป็น Vlog การเดินทางก็คลิกชมได้เลยค่ะ

พอเรียบร้อยเราก็ไปหาอะไรกินที่ Kingpower แต่ตอนนี้ดันเปลี่ยนมาเป็นอีกฝั่งที่เล็กมาก คนเยอะมากแทบจะไม่มีที่นั่ง เวลา ณ ตอนนั้นประมาณสี่ทุ่ม แอบรู้สึกแย่ที่ทำโซนให้บริการเล็กนิดเดียว จริงๆ เคยไปใช้บริการที่ดอนเมือง ยังใหญ่กว่านี้ แถมแอร์ก็ร้อนมาก รู้สึกว่ารอบหน้าอาจจะไปนั่งด้านนอกน่าจะเย็นกว่า

แวะถ่ายรูปกะพี่มิกกี้ซักหน่อย

พอท้องอิ่มแล้ว เราก็ไปรอขึ้นเครื่องกัน

เที่ยวครั้งนี้ จะเป็นการบินครั้งแรกกับ Emirate เครื่องบินลำใหญ่นั่งสบาย แถมมีจอทุกที่นั่งเพิ่มเติมความบันเทิงตลอดการเดินทาง และที่สำคัญ Wifi free บนเครื่องด้วย แต่สัญญาณไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ

เนื่องจากมีจอพร้อมความบันเทิงครบถ้วน หนังก็ใหม่ แต่ว่าไม่มีซับไทยนะ มีเกมให้เล่นด้วย มีหูฟังให้ หมอน ผ้าห่มพร้อมนอน ฮ่าๆ เรียกว่าสบายเลยทีเดียว

บรรยากาศบนเครื่องบนเพดานเหมือนเดาวเลย ดูฟรุ้งฟริ้งมาก

เริ่มต้นทริปแอร์ก็แจกเมนูอาหาร เนื่องจากเราบินรอบดึก เมนูเลยจะเป็นอาหารเช้า เลือกเอาไว้ก่อน

พอเครื่อง take off สักพักแอร์ก็เริ่มเสริฟของว่าง เราสามารถเลือกเครื่องดื่มได้ จะเป็น soft drink หรือว่า จะเป็นเครื่องดื่มแบบแอลกอฮอล์ ก็มี แต่ก็อย่าดื่มเยอะนะจ๊ะ

พอเครื่องใกล้ๆ จะลง แอร์เค้าก็เสริฟอาหารเช้า จริงๆเราอยากเลือกอีกอย่างแต่ว่ากว่าอาหารจะมาถึงเราตัวเลือกก็หมดซะแล้ว เลยเหลือให้กินแต่ไข่ยัดไส้

หลังจากเครื่อง landing เราก็ต้องมีต่อ Bus เพื่อเข้าไปยัง Terminal

พอมาถึงอาคารผู้โดยสารบรรยากาศก็จะล้ำๆ หน่อย แต่ว่าสนามบินที่นี่คือสนามบินเงียบ คือจะไม่มีเสียงประกาศอะไรทั้งนั้น คือทุกคนเงียบจนแทบจะกระซิบกันเลยก็ว่าได้ เลยแปลกนิดนึง แต่เหมาะกับการงีบนะ ถ้าใครมานอนรอขึ้นเครื่องนี่เราว่าหลับสบายชัวร์

หลังจากผ่านตม. เราก็มานั่งรอเพื่อนร่วมทริปอีกคนที่บินมาจากอิตาลี มาเจอกัน ณ ดินแดนตะวันออกกลาง บรรยากาศที่นั่งก็จะโล่งๆ กว้างๆ

หลังจากนั้นเราก็เลือกวิธีไปที่พักด้วยรถไฟ รถไฟใหม่ และเนื่องจากยังเช้าอยู่คนก็ยังไม่เยอะเท่าไหร่ โดยเราเลือกซื้อบัตร Nol silver ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ที่นี่ 

บรรยากาศวิวระหว่างทาง

 

เราพักที่โรงแรม Carlton Downtown Hotel

ที่พักเป็นโรงแรมกลางใจเมืองติดสถานี รถไฟฟ้า

เราจองแบบไม่มีอาหารเช้าเนื่องจากบวกราคาค่อนข้างสูง ไปหาทานด้านนอกจะได้อะไรที่หลากหลายกว่า

Hotel: http://www.carltondowntown.com/

ที่พักสะอาด และกว้างขวาง มีห้องนอนแยกส่วนกับห้องรับแขก สามารถขอเตียงเสริมได้

เมื่อเดินเข้าไปจะเจอกับ แผนกต้อนรับก่อน และ ถัดไปจะเป็นโถงลิฟท์ และ โซนรับรองจะอยู่ด้านหลังลิฟท์อีกที

เมื่อเข้าที่พักก็ว้าวมาก เพราะว่ากว้างขวางกว่าที่คิด แถมมีกระจกยาว ให้สำรวจชุดก่อนออกจากห้องด้วยนะ เรียกได้ว่า ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเลย

ห้องนอนใหญ่แบ่งสัดส่วนจากด้านห้องรับแขก มีหน้าต่างยาวสามารถชมวิวจากภายนอกได้

มีทีวีให้ในห้องนอนพร้อมโต๊ะเครื่องแป้ง

หน้าต่างค่อนข้างมีฝุ่น แต่สามารถเห็นวิว Burj Khalifa ได้

 

ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ แยกออกจากห้องน้ำด้านนอก และมีขนาดใหญ่กว่า

ห้องนั่งเล่น หรือ ห้องรับแขก มีทีวีแยกให้ และสามารถเพิ่มเตียงเสริมที่ห้องนี้ได้ และมีหน้าต่างยาวดูวิวด้านนอกได้เช่นกัน

ห้องครัวมีไมโครเวฟ ตู้เย็น และโต๊ะกินข้าวเล็กๆ

ห้องน้ำห้องเล็กด้านนอก จะได้ไม่ต้องแย่งกันตอนเช้า

หลังจากเก็บของที่โรงแรมเสร็จ เราก็ออกเดินทางกันด้วย Taxi เนื่องจากทุกคนยังดูเพลียๆ ไปหาอะไรกินแถวๆ ตลาดทอง

เราก็เดินผ่านตลาดทองแบบไวมาก เดี๋ยวกลับมาเก็บวันอื่น เนื่องจากคือหิว และง่วง เลยมุ่งหน้าไปที่ร้านอาหารก่อน

ร้าน AL Bait Al Qadeem website: http://www.albaitalqadeem.com

ร้านอาหารพื้นเมืองที่เราเลือก บรรยากาศดี ได้บรรยากาศแบบอาหรับโบราณ มีทั้ง out door และ indoor และอยู่ไม่ไกลจากตลาดทองมากนัก

 

 

 

ห้องละหมาด ก็มีแยกเอาไว้ด้วย 

เราเลือกนั่งโซนด้านนอก

เมนูที่เน้นรูป แต่เป็นรูปสมาชิกผู้ก่อตั้งหรืออะไรสักอย่าง เมนูไม่มีภาพจ้า จิ้มโลด

สไตล์การตกแต่งโต๊ะอาหารแบบอาหรับคือดูสวยงามได้บรรยากาศมาก เริ่มต้นด้วยการเสริฟ welcome drink รสชาติเหมือนน้ำแตงกวา แต่เขาว่านี่คือน้ำกุหลาบ 

 

 

มีแป้งแผ่นเป็นโรตีมาเสริฟระหว่างรออาหาร ผ้าที่ปิดมาทำให้แป้งโรตียังอุ่นอยู่ตลอด เราชอบมาก โรตีหอมอร่อยมาก

 

 

 

 

ถังน้ำแข็งแบบกุ๊งกิ๊ง น่ารักมาก เล็กไปไหนน้อ

 
 
 
 
Samosa – سمبوسه

 ซาโมซ่าไก่ ของทอดอร่อยดี

 

อันนี้จำชื่อไม่ได้ แต่เป็นปลาหมึกผัดซอส กินกับข้าวอร่อยดีนะ

สั่งมาจากการจิ้มในรูป และคิดว่านี่คือเนื้อวัว โดยลืมไปว่า meat ของที่นี่ส่วนใหญ่คือเนื้อแกะ ส่วนตัวไม่ค่อยประทับใจเมนูนี้เท่าไหร่เพราะแอบมีกลิ่นสาปของเนื้อแกะ

หลังจากกินอิ่มเราก็เดินสำรวจอีกนิดหน่อย ความรู้สึกแรกคือเมืองสีสวย

ท่าเรือฝั่ง Gold Souq

เราก็ได้ทดลองนั่งเรือข้ามฟากกัน คล้ายๆ ท่าพระจันทร์บ้านเราเลย เรียกว่า เรืออับบร้า (Abra) เป็นเรือท้องถิ่น มีความแปลกตรงคนขับเรือจะนั่งตรงกลาง และผู้โดยสารก็จะนั่งรอบเรือ ลำนึงไม่ใหญ่มาก ราคาค่าโดยสารอยู่ที่คนละ 1 ดิรฮัม คิดเป็นเงินไทยก็ราวๆ 10 บาท

ลำน้ำที่เราข้ามกันมาตรงนี้เรียกว่า Dubai Creek เป็นน้ำเค็ม จริงๆ ขนาดก็คล้ายๆ กับคลอง หรือว่าแม่น้ำ เพียงแต่ไม่ใช่น้ำจืด 

เมื่อข้ามฝั่งมาถึงเราก็พบกับ ร้านขายของกระจุกกระจิกริมทาง

ฝั่งนี้น่าจะเรียกว่าฝั่งเบอร์ดูไบ Bur Dubai มีของขายของฝากเยอะกว่า แต่ก็เต็มไปด้วยแขกคอยตื๊อขายของ แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรนะ ก็บอกไปว่าไม่ซื้อ แล้วก็เดินๆ หนีๆ ประมาณนั้น

ปิดท้ายการเดินชมเมือง ด้วยการชิมของทอด คนขายก็ช่างแนะนำน่ารักๆ

และแรงก็หมด เราเลยต้องกลับโรงแรมมานอนพักเอาแรง ตื่นมาก็เย็นแล้ว เลยเดินเล่นหามื้อเย็นแถวๆ โรงแรม

และแล้วเราก็เจอร้านที่เราจะฝากท้องมื้อเย็นวันแรกกัน เราเลือกนั่งกันโซนด้านนอกรับลม

อาหารแนวผสมผสาน สั่งทุกแบบ

ผัดคล้ายๆ ผงกะหรี่ กินคู่กับขนมปัง

ข้าวผัดไก่ เอาจริงๆ ก็มีกลิ่นอายอาหรับแหละ มีใส่เครื่องเทศด้วย

ผัดหมี่แบบจีน

เบอร์เกอร์ กินคู่กับเฟรนฟราย

หอมทอด

เมื่ออิ่มแล้วเราก็เดินย่อยกลับที่พัก ขอจบตอนกันไปด้วยรูป starbuck 24 hr. แถวๆ ที่พัก และ วิว Burj Kalifa บนห้องพักยามค่ำคืนค่ะ

เรามีทำ youtube การเดินทางครั้งนี้เอาไว้ด้วย ฝากกด like กด subscribe channel ไว้ด้วยนะคะ

943 total views, 1 views today

You may also like

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *