แผนการท่องเที่ยวญี่ปุ่น
-
-
- Japan Trip – เที่ยวญี่ปุ่นใบไม้เปลี่ยนสี ตอนที่ 1 วางแผนเที่ยว Japan
- Japan Trip – เที่ยวญี่ปุ่นใบไม้เปลี่ยนสี ตอนที่ 2 เดินทางไปญี่ปุ่น ลงสนามบินนาริตะ เข้าที่พักย่าน Samida
- Japan Trip – เที่ยวญี่ปุ่นใบไม้เปลี่ยนสี ตอนที่ 3 นั่งรถไฟสาย Fujikyo Railway ดูภูเขาไฟฟูจิ แช่น้ำร้อนย้อนยุคที่ Oedo Onsen Monogatari
- Japan Trip – เที่ยวญี่ปุ่นใบไม้เปลี่ยนสี ตอนที่ 4 พักที่ Osaka มื้อกลางวันกับเนื้อโกเบ เยือนปราสาทโอซาก้า – ชิวๆ มื้อค่ำที่ Dotonburi
- Japan Trip – เที่ยวญี่ปุ่นใบไม้เปลี่ยนสี ตอนที่ 5 Universal Studios Japan / Uoshin Sushi ซูชิหน้าล้น ย่าน UMEDA OSAKA
-
เวลา | รายละเอียด | ราคา/คน |
---|---|---|
06:00 | ออกจากที่พัก ไปยังสถานี Tokyo เพื่อไปขึ้นรถไฟ shinkansen Kikukawa (Sasazuka) → Tokyo |
IC card ¥280 |
06:48 | ถึงสถานี Tokyo หาอาหารเช้าอาจจะเป็นเบนโตะทาน และขึ้น shinkasen ไปโอซาก้า | JR pass day02 Free |
07:38 – 10:26 | ถึงสถานี Shin – Osaka ซื้อ Osaka one day pass 6 items – check in ที่พัก เอากระเป๋าไปเก็บ สถานี Higashimikuni |
Osaka 1 day pass ¥800 / 1 person =¥4800 /6 items / 3 persons |
11:30 | ไปกินมื้อกลางวันที่ร้านเนื้อโกเบ Steak land | ¥3180 – ¥4000 |
15:00 | ไปเยี่ยมชมปราสาทโอซาก้า | Fee — ¥600 |
19:00 | ไปทานอาหารเย็นที่ย่าน Dotonbori สถานี Namba (Subway) | – |
ออกเดินทางไปโอซาก้า
ออกจากที่พัก ไปยังสถานี Tokyo เพื่อไปขึ้นรถไฟ shinkansen
Toei Subway — Shinjuku Line สายสีเขียว
Tokyo metro — Marunouchi Line สายสีแดง
ออกจาก Tokyo station สู่ Shin – Osaka
Shinkansen — Hikari 503 Line
ก่อนออกเราก็ไม่พลาดที่จะซื้อเบนโตะ มาทานเป็นอาหารเช้าบน Shinkansen
กินสองคนก็ลองอย่างอื่นดูบ้าง ขนมจีบหมูอร่อย แต่กินไม่หมด เยอะเกินไป
เมื่อถึง Shin Osaka โชคดีที่ Host แจ้งว่าไม่มีใครมาพักก่อนหน้าเรา เราเลยสามารถ เช็คอินก่อนได้ เราเลยเอากระเป๋าไปไว้ที่พักได้เลย ไม่ต้องฝากกระเป๋า ที่สถานี Higashimikuni
Osaka Subway — Midojuji Line สายสีแดง
แน่นอน ว่าต้องเป็น Airbnb บ้านนี้น่ารักมาก บ้านอยู่ติดถนนไม่ไกลจากสถานี สะดวกสบายสุดๆ
บ้านเป็นบ้านสองชั้นแบบนี้
เจ้าของบ้านน่ารักมากมาย เขียนชื่อเราเป็นภาษาไทย welcome เอาไว้ด้วยจ้า
ตัวบ้านเป็นสไตล์ญี่ปุ่นเหมือนกับเคยใช้เป็นบ้านที่อยู่อาศัยจริงๆ มาก่อน มีห้องน้ำอยู่ด้านหน้าบ้าน แต่ส่วนของอาบน้ำอยู่ด้านหลังบ้าน อันนี้แปลกดี บ้านสะอาดน่าอยู่
ในส่วนของหน้าบ้านทางขวามีประตูเข้าห้องน้ำ
สุขภัณฑ์แบบอุ่นนั่งแล้วไม่เย็นเจี๊ยบ
โซนนั่งเล่นรับแขกชั้นล่าง เป็นเก้าอี้แบบมีฮีทเตอร์อุ่นอยู่ใต้โต๊ะ เสียบปลั๊กปุ๊ปอุ่นปั๊ป อันนี้ชอบมาก นั่งดูทีวีกินขนมก็อุ่นสบาย เสื้อคลุมกันหนาวแบบญี่ปุ่น Hanten 袢纏 ก็สามารถหยิบจับมาใส่ได้ สวยด้วย
บนโต๊ะก็จะมีทิชชู่เปียก ทิชชู่ปกติ หนังสือคู่มือ ควบคุมระบบไฟ ด้วยรีโมท และขนม + ลูกอมที่เตรียมไว้ต้อนรับแขกผู้มาเยือนแบบเราๆ
มาดูด้านหลังบ้านกัน เป็นครัวเล็กๆ น่ารักๆ สามารถทำอาหารทานได้ แต่เราก็ใช้แค่ไมโครเวฟ ฮ่าๆ ในตู้เย็นเจ้าของบ้านเตรียมชาเขียวเย็น และน้ำเปล่าใส่เหยือกไว้เย็นชื่นใจ (อากาศก็เย็นอยู่แล้ว)
ทางซ้ายของหลังบ้านก็จะเป็นห้องน้ำ มีอ่างล้างหน้าอยู่ด้านหน้า ทำให้สลับกันเข้าห้องอาบน้ำได้
ออกไปหลังบ้านจะมีเครื่องซักผ้า และลานซักล้าง เอาไว้ตากผ้าได้
และหลังสุดๆ จริงๆ จะเป็นดอกไม้เล็กๆ ประดับตกแต่งเอาไว้เพิ่มความสดชื่น
มาต่อกันที่ชั้นบน มีห้องนอน 2 ห้อง ห้องเล็กและห้องใหญ่ เป็นฟูกนอนแบบดั้งเดิม เสื่อทาทามิ ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นแบบสวยงาม
หลังจากเก็บสัมภาระเรียบร้อย ก็ออกเดินทางไปกินเนื้อที่โกเบกัน อันที่จริงเราก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาเที่ยวเมืองนี้ มีเวลาน้อย แค่อยากจะมาชิมเนื้อโกเบอันเลื่องชื่อ แต่เดินผ่านก็ได้เก็บบรรยากาศคร่าวๆ ถ้ารอบหน้ามีโอกาส เราจะได้เจอกันนะโกเบ
Osaka Subway — Midojuji Line สายสีแดง
JR — JR special Rapid
ร้าน Steak land Kobe
ตำแหน่ง :
ตรงข้ามกับสถานีรถไฟ Hankyu Kobe Line Kobe Sannomiya (West Exit)
จาก JR Tokaido, Sanyo Main Line Sannomiya ให้ออก West Exit แล้วเดินต่อประมาณ 3 นาที
ถ้ามาจาก Hanshin Main Line Sannomiya ต้องเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที
เวลาทำการ : เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 น. ถึง 22.30 น
Website: http://www.steakland.jp/
ลงจากรถไฟ เราก็เดินดุ่มๆ หาร้าน steakland กัน
เราไม่ได้กินร้านชั้นล่างแต่ได้ขึ้นไปกินร้านชั้นบนแทน สั่ง Lunch set s จะประมาณ 1080 เยน มีสลัด, ข้าว, ซุป และกาแฟให้ด้วย
ภายในร้านก็จะแบ่งเป็นโต๊ะๆ ล้อมตรงส่วนที่เชฟจะย่างเนื้อให้เรา ระหว่างรอเชฟที่ทำให้โต๊ะอื่นอยู่เค้าก็เสริฟเครื่องเคียงให้ก่อน
และแล้วเชฟก็มาผัดๆ เริ่มต้นด้วยอันนี้ seafood (มีบางคนไม่พิสมัยเนื้อในแกงค์ แต่ก็กินด้วยกันได้จ้า)
ถัดมาก็เป็นจานของเรา เราเลือกแบบเนื้อบางๆ ไม่ได้เลือกเป็นเนื้อก้อนๆ รสชาติละลายในปากมากๆ
อันนี้เขาทำให้คนอื่นเป็นแบบก้อนๆ
เสริฟพร้อมกระเทียมเจียวชิ้นโตอย่างกับมันฝรั่ง อร่อยเป็นบ้า ฮ่าๆ
มีผัดผักด้วย ผัดจนพอสุก หอมอร่อยอีกเหมือนกัน
สำเร็จเสร็จ เสริฟใส่จาน
ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)
อัตราค่าเข้า: ¥600 กรณีขึ้นไปชมวิวด้านบน
เวลาเปิดทำการ: 9.00 น. – 17.00 น.
JR— Limited Express Super Hakuto 6
JR— Kansai Airport Rapid service
JR— Osaka Loop Line (Outer loop)
งานศิลปะบนผนัง สถานี โอซาก้า OSAKAJOKOEN
แวะถ่ายภาพหน้าสถานี เราต้องเดินไปอีกไกลพอสมควรกว่าจะถึงตัวปราสาท
เดินไปสักพักก็จะเข้าสู่ถนนที่เห็นต้นแปะก๊วยสีเหลืองทองอร่าม สวยงามมาก เป็นจุดชมต้นแปะก๊วยที่น่าสนใจเลยทีเดียว
แวะถ่ายรูปกันกระจาย อันนี้เป็นรถไฟนำเที่ยว
ปราสาทโอซาก้าท่ามกลางใบไม้เปลียนสี
เมื่อเดินข้ามสะพานใหญ่ ผ่านประตูเข้ามาสู่เขตปราสาทชั้นใน เดินเข้ามาใกล้อีกนิด จะพบกับภาพปราสาทโอซาก้าหลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางลานกว้าง ปราสาทโอซาก้าเป็นหนึ่งในปราสาทที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น ตัวปราสาทสูง 55 เมตร มีทั้งหมด 8 ชั้น ล้อมรอบด้วยคูน้ำและกำแพงขนาดใหญ่สูงกว่า 30 เมตร
สวนสาธารณะรอบปราสาทสามารถเที่ยวชมได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่หากต้องการขึ้นชมบนปราสาทเราจะมีค่าเข้า ผู้ใหญ่ 600 เยน เด็กอายุไม่เกิน 15 ฟรี แล้วเราก็เข้าไปซื้อบัตรโดยใช้ Osaka day pass ลดราคาได้อีกนิดนึง
ด้านในแต่ละชั้นก็มีการแสดงรูปภาพเกี่ยวกับประวัติความของโทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิ การสร้างปราสาทโอซาก้า และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ อาทิเช่น ภาพวาด จดหมาย เสื้อเกาะ และดาบซามูไรของจริง บางชั้นห้ามถ่ายภาพ
เมื่อมาถึงชั้นบนสุด จะเป็นจุดชมวิว เราสามารถมองเห็นได้ไกลจนเห็นภูเขาอยู่ลิบๆ เลยทีเดียว
หลังจากชมภายในปราสาทออกมาด้านนอกก็เริ่มจะมืดแล้ว ฤดูนี้เสียตรงมืดเร็ว ทำให้ใช้เวลาเที่ยวตอนกลางวันน้อยกว่าเดิม
ปิดท้ายการชมปราสาทโอซาก้าด้วยบรรยากาศยามค่ำคืน
กลับที่พักสถานี Higashimikuni
Hankyu — Minoo Line
Osaka city subway — Midosuji Line
จริงๆก็กลับมาวางแผนว่าจะไปไหนต่อ + กลับมาเปลี่ยนรองเท้าที่เริ่มไม่ไหวกับการเดินมาราธอนมาทั้งวัน
ทานอาหารเย็นที่ Dotonbori
Osakacity subway —Midosuji Line
โดทงโบริ หรือดงโทโบริ(Dotonbori)
ถนนสายเล็กเลียบคลองโดทนบุริ ที่เรียงรายไปด้วยร้านรวง และแสงสียามค่ำคืน เป็นย่านที่ผู้คนมักมาชอปปิ้ง หรือกินดื่มกันในยามค่ำคืน โดยเฉพาะป้ายไฟกูลิโกะ(Glico Running Man sign) และปูคานิโดราคุ(Kani Doraku crab sign) กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโอซาก้าที่นักท่องเที่ยวจะต้องถ่ายภาพคู่ด้วย และจุดที่นิยมมากที่สุดนั่นก็คือบนสะพานเอบิชุ
เมื่อมาถึงแล้วก็ต้องไม่พลาดที่จะไปชิม Takoyaki ทาโกยากิ เจ้าดัง ต่อคิวนานกันพอสมควร
อร่อยสมคำร่ำลือ
ร้านต่อไปที่เราจะไปชิมก็คือ Gyoza Ohsho ร้านเกี๊ยวซ่า
พนักงานเตรียมทำเกี๊ยวซ่าให้กับเรา
ผัดยากิโซบะ
จากนั้นก็เดินชมบรรยากาศ
และนี่ตุ๊กตาคนตีกลอง Kuidaore เป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่งของโอซาก้า ตุ๊กตาตัวนี้มีขนาดเท่ากับคนจริง ด้านในมีกลไกทำให้ตุ๊กตาตีกลองไปเรื่อยๆ เดิมทีเป็นตัวมาสคอตของร้านอาหาร Cui-daore Restaurant แต่ภายหลังร้านอาหารปิดตัวลง ก็เลยมีคุณตุ๊กตาตีกลองให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพเป็นที่ระลึกได้
ก่อนกลับอยากจะแวะซื้อของฝากที่ร้านดองกี้ก่อนก็ได้ Don Quijote มีสาระพัดของฝากราคาย่อมเยาให้เลือกซื้อ
เมื่ออิ่มท้อง และกระเป๋าแฟบกันแล้ว ก็กลับที่พักของเราเพื่อพักผ่อนเอาแรงสำหรับวันถัดไปกันเถิด
Osakacity subway —Midosuji Line
1,837 total views, 1 views today