แผนการท่องเที่ยวบาหลี

เช้าวันที่สอง วันนี้ ไกด์ชาวบาหลีบอกว่าจะมารับ 8:30 เราเลยต้องตื่นเช้าเป็นพิเศษ อาหารเช้าที่โรงแรมมีเสริฟตั้งแต่ 6:30-10:00 เริ่มเช้ามากก อาหารเช้าเป็นแบบบุฟเฟต์ มีทั้งแบบบาหลี และแบบ breakfast ฝรั่ง ไข่ดาวทำสดๆ สามารถสั่งได้ จะเอาสุกเอาดิบบอกได้หมด อาหารอุ่นร้อนตลอด เช้าวันแรกได้ชิมข้าวต้มแบบบาหลี ก็มีข้าวแยกให้ใส่นี่ล่ะ แล้วแต่ว่าเราจะใส่หรือไม่ใส่ รสชาติของซุปคล้ายกับซุปที่ทานกับข้าวหมกไก่บ้านเรา เผ็ดนิดๆ มีกลิ่นเครื่องเทศหน่อยๆ พอหอมๆ อย่างอื่นก็มีไส้กรอก วันนี้ได้ชิมใส่กรอกเนื้อ มี crispy bacon คือเอาเบคอนไปทอดกรอบ อันนี้อร่อยมาก ในส่วนของขนมปัง มีให้เลือกเยอะ ตั้งแต่ขนมปังแผ่นธรรมดา โฮลวีท ก็เอาใส่เครื่องปิ้งไป มีครัวซองทั้งแบบมีไส้และไม่มีไส้ แพนเค้กชิ้นเล็กๆ และทาร์ตผลไม้ และมีซอสให้เลือกทานหลายอย่าง น้ำผึ้ง ชอคโกแลต วานิลา เราคิดว่าโซนนี้น่าจะถูกใจฝรั่งมาก ใส่ส่วนของอาหารทำเสร็จก็แล้วแต่เราเลือก เราเลือกลองผัดผัก ไม่รู้ผักอะไรหน้าตาเหมือนผัดผักบุ้งมาก รสชาติคล้ายกัน ยังไม่รวมโซนสลัด และผลไม้ รวมทั้งโยเกิร์ตหลายรสชาติ โซนน้ำผลไม้น้ำเปล่า นม ซีเรียล เราว่าอาหารเช้าที่อลังการงานสร้างเลยที่เดียว สามารถอิ่มถึงสองโมงเย็น อิ่มแล้วเราก็ออกเดินทางกัน แน่นอน TG มารออยู่แล้ว วันนี้แผนท่องเที่ยวค่อนข้างยาว เราเลยออกกันตั้งแต่ 8:30 พอขึ้นรถเราสังเกตเห็นว่าหน้ารถมีกระทงดอกไม้ เหมือนกับตามหน้าร้านค้า หรือบ้านเรือนที่มีตลอด เราเลยถามไกด์ของเรา เลยได้ทราบว่า ตามธรรมเนียมของคนที่นับถือศาสนาฮินดู จะมีการวางกระทงดอกไม้เล็กๆ เพื่อบูชาเทพเจ้า เพื่อขอบคุณวันดีๆ เพื่อความโชคดี ระหว่างทางเราก็แวะซื้อน้ำตามมินิมาร์ท มินิมาร์ทที่นี่ถี่มาก หรืออาจจะเพราะเราอยู่ในเมือง ของที่ขายหลายอย่างคล้ายกับเมืองไทย แต่ ซูกัส รสสตรอเบอร์รี่ ไม่เหมือนนะ รสเดียวด้วย อยากรู้ต้องลอง จุดหมายแรกวันนี้คือ Barong Dance บารองแดนซ์ ก่อนถึงไกด์เราก็บรีฟเล็กๆ ว่าเป็นการแสดงของ black magic กับ good magic โดย Rangda เป็นตัวแทนของ Black magic และ Barong เป็นต้วแทนของ White magic หลายคนที่นี่เชื่อว่าพระเจ้าสร้างทั้งสิ่งดี และสิ่งไม่ดีให้คู่กัน ไม่มีสิ่งไหนดีทั้งหมด และไม่มีสิ่งไหนแย่ทั้งหมด เราว่าเป็นความคิดที่ดีเลยนะ พอถึงเวทีการแสดง ก็มีการแจกแผ่นกระดาษ อธิบายตามแต่ละฉาก งงๆดี มีหลายภาษา เราเลยเลือกมาทั้งไทยและอังกฤษ แต่.. ภาษาไทย อย่างกับแปล google มา อ่านไม่เข้าใจเลย ดีนะขอมาสองแบบ วงดนตรีที่บรรเลงตลอดการทำการแสดง การแสดงเริ่มที่ Barong ขนสีขาวออกฉาก ใช้คนสองคนเชิดด้านใน แต่ก็เนียนนะ ปากตรงกลางขยับได้ด้วย แล้วก็มีฉากอื่นๆ ตามมาเรื่อยๆ แต่ที่เราชอบน่าจะเป็นนางรำ ท่ารำใช้ทุกส่วนแม้กระทั่งตา ถ้าเจอกลางคืนแอบน่ากลัวนะเราว่า แล้วก็มี Rangda ออกฉาก ภาษาที่ใช้ในการแสดงเป็นภาษาอินโด ดังนั้นแน่นอนฟังไม่รู้เรื่อง ดูภาพเอาละกัน ภาพรูปปั้นของบาหลี ที่บ่งบอกเอกลักษณ์เฉพาะตัว   เสร็จจากดูการแสดง Barong Dance ก็เกือบเที่ยงแล้วเราเลยเดินทางต่อไปยังจุดหมายต่อไป TG ถามความสมัครใจในการไปดูโรงงานผ้าบาติก ซึ่งเราก็สนใจนะ เพราะปกติก็ชอบซื้ออยู่แล้วเลยแวะไปดูสักนิด เหมือนกับมีการจัดแสดงว่าใช้สีจากธรรมชาติ มีการวาดลายให้ดูกันสดๆ จากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปชมวิวและทานอาหารกลางวันกันที่ Vocalno ภูเขาไฟ ภูเขาไฟคินตามณี (kintamanee) เป็นภูเขาไฟที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ในเกาะบาหลี  อยู่ติดกับทะเลสาป มีชื่อว่า Batur มีภาษาทางการที่ใช้เรียกคือ Mount Batur มีความสูง 1,171 เมตร ชื่อคินตามณี อันที่จริงแล้วเป็นชื่อของหญิงชาวจีน ชื่อ คังฉีหมิง ได้แต่งงานกับเจ้าชายบาหลี และเพื่อเป็นการระลึกถึงจึงนำชื่อของเธอมาตั้งเป็นชื่อภูเขาไฟ แต่เพี้ยนไปจนเป็นคินตามณีในปัจจุบัน ไม่รู้เพี้ยนยังไงเนอะ การระเบิดมีขึ้นหลายครั้งในอดีต และครั้งสุดท้ายในปี ค.ศ. 2ooo ปัจจุบันภูเขาไฟลูกนี้ยังไม่สงบ และพร้อมจะปะทุได้ทุกเมื่อแม้ว่า การปะทุครั้งล่าสุดจะหลายสิบปีมาแล้วก็ตาม คินตามานีมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม มีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ และได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว เราเองก็เป็นอีกคนที่อยากไปเยือน อันที่จริงวันที่ไปอากาศไม่ค่อยจะดีนัก แต่ก็ยังโชคดีที่ฟ้าเปิดให้เราได้ชมภูเขาไฟสมใจ หลังจากนั้นก็อิ่มอร่อยกับอาหารกลางวัน แน่นอนบุฟเฟต์มีอาหารให้เลือกเยอะพอสมควร พร้อมชมวิวภูเขาไฟ พนักงานที่นี่มีเครื่องแบบเหมือนกับแต่งชุดประจำชาติเลย จานชามพร้อม มาดูอาหารกันสะเต๊ะกำลังปิ้งเลย หอมมาก มีกับข้าวหลายอย่างให้เลือก มุมซุปและสลัด ปิดท้ายด้วยผลไม้ มื้อนี้เด็ดที่สะเต๊ะปลา รสชาติเหมือนห่อหมกบ้านเราเอาไปย่าง อันนี้ความรู้สึกเราเองนะ เมื่ออิ่มแล้วเราก็เดินทางไปยังสถานที่ถัดไป Pura Tirta Empul Temple หรือวัดน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ของเกาะบาหลี วัด Pura Tirta Empul เป็นวัดฮินดู ถูกสร้างขึ้นประมาณ ค.ศ. 962 หรือ ศตวรรษที่ 10-14  ชื่อของวัด "Tirta Empul" ก็มาจากการที่วัดสร้างขึ้นบริเวณตาน้ำพุนั่นเอง และน้ำที่อยู่บริเวณนี้ก็เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ หรือ ที่เรียกว่า Holy water

• ค่าเข้าชม IDR 15,000 หรือ ประมาณ 40 บาท
• เวลาเข้าชม 8:00 - 16:00 น.
• มีข้อบังคับในการแต่งกาย (นุ่งโสร่ง)

วัดจะแบ่งเป็นชั้นในกับชั้นนอก น้ำพุศักดิ์สิทธิ์จะอยู่ด้านใน ในส่วนสระที่คนที่นับถือศาสนาฮินดู หรือ นักท่องเที่ยวที่ศรัทธามาอาบน้ำจะอยู่ด้านนอก บางมุมก็มีบ่อเลี้ยงปลาคาร์ฟ มาถึงบริเวณด้านนอกที่เป็นสระสำหรับลงอาบได้ แต่วันนี้ไม่มีคนเลย เราเลยเก็บภาพมาฝาก น้ำใสจนเห็นปลาเลยนะ น้ำสะอาดอาบได้ เดินมาถึงบริเวณด้านในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ แล้วเราก็ออกเดินทางสู่สถานที่ถัดไป Pura Tanah Lot  ความหมายก็คือ Land in the sea บริเวณวัดมีแหลมที่ยื่นไปในทะเล 3 จุด

• วิหาร Tanah Lot ที่อยู่ริมทะเล
• วิหาร Buta Bolong ที่อยู่ริมผา เป็นจุดถ่ายรูปที่สวยงาม
• โขดหินที่มีรู น้ำทะเลลอดผ่านได้

เวลาที่คนนิยมมาเที่ยวกันมากที่สุดก็คือเวลายามเย็นพระอาทิตย์ตก เพราะวิวจะสวยมาก

• มีค่าผ่านประตู  IDR 30,000/p หรือ ประมาณคนละ 81 บาท

เริ่มจากประตูนี้ และทางเดินก็จะเต็มไปด้วยของที่ระลึก ตรงวิหาร Buta Bolong ที่อยู่ริมผา เป็นจุดถ่ายรูปที่เห็นครบเลย ทั้งสามจุดดังนั้นเราเลยหยุดถ่ายรูปกันตรงบริเวณนี้ หันไปอีกด้านก็จะเป็นวิว Tanah Lot และเราก็เดินทางกลับ รร.ที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย